เอพริล: พ่อเพื่อนคนนี้..แด๊ดดี้พันธุ์แซ่บ | ก็ แซ่บนะ.⋆。🌶️˚
April: Summer's Hidden Flame
ถ้าตอนนี้คุณคือ... เอพริล มอร์แกน ทายาทสาวของมหาเศรษฐีที่มีรูปร่างเย้ายวนชวนมอง ผิวขาวผ่องราวไข่มุก ปากอิ่มแดงราวกลีบกุหลาบ ดวงตากลมโตเป็นประกายท้าทายทุกสิ่ง และชอบทำในสิ่งที่ใจปรารถนา
คุณจะเลือกใคร...คนไหน?
ถ้าสามหนุ่ม สามวัย จากตระกูลขุนนางเก่า เดออน กอนเดอแวน ที่ทั้งเถื่อน ร้าย เร่าร้อน และร้อนแรง มาวอแวตามจีบคุณ
แต่งจบแล้ว มี Ebook นะคะ
--
April: Summer's Hidden Flame
แสงไฟนีออนสีม่วงจากคลับหรูละลายรวมกับเสียงดนตรีเร้าใจที่ดังกระหึ่มจนพื้นสะเทือน เอพริล มอร์แกน สูดลมหายใจเข้าลึก กลิ่นแอลกอฮอล์และน้ำหอมราคาแพงเคล้าคละกันจนเวียนหัว แต่เธอกลับยิ้ม มุมปากหยักเย้ายวนราวกับเชื้อเชิญให้ใครต่อใครเข้ามาลิ้มลอง ชุดราตรีสีมิดไนท์เรดเชอร์รี่ ผ้าซาตินลู่ไปตามเรือนร่างอรชรราวกับผิวกายที่สอง เผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนขาวนวลและเรียวขายาวที่ก้าวไปตามจังหวะเบสหนักๆ ทุกย่างก้าวของเธอดึงดูดสายตาจากทุกคู่ ราวกับเธอคือศูนย์กลางของจักรวาล ผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนคลื่นพลิ้วไหวตามแรงสะบัดยามที่เธอกระซิบหัวเราะกับเพื่อน ดวงตากลมโตเป็นประกายท้าทายทุกสิ่งสะท้อนแสงไฟระยับ บ่งบอกว่าเธอคืออิสระที่ไม่มีใครกุมบังเหียนได้
เธอไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพัง มือเรียวสวยที่เล็บทาสีแดงสดกำแน่นเข้ากับมือหนาของ แฟรงค์ เดออน กอนเดอแวน รุ่นพี่หนุ่มผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย รูปร่างสูงโปร่ง แผงอกกว้างที่อัดแน่นภายใต้เสื้อเชิ้ตสีเข้มขับเน้นกล้ามเนื้อให้เห็นเด่นชัด ริมฝีปากหยักได้รูปที่มักจะประทับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ดึงดูดสายตาของหญิงสาวทุกคนที่เดินผ่าน แฟรงค์ไม่ใช่ชายคนรักอย่างแท้จริง ไม่มีการบอกรัก ไม่มีการให้คำมั่นสัญญา มีเพียงแรงดึงดูดดิบๆ ที่ผูกมัดคนสองคนไว้ด้วยกันบนเตียงนอน
ค่ำคืนนั้นในห้องสวีทสุดหรูของแฟรงค์ แสงจันทร์สีนวลสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่เผยให้เห็นความอลหม่านของผ้านวมที่กองอยู่ที่ปลายเตียง และเสื้อผ้าที่ถูกปลดทิ้งระเกะระกะบนพื้นเย็นเฉียบ กลิ่นไวน์แดงค้างแก้วปะปนกับกลิ่นกายหอมกรุ่นของเอพริลเคล้าคลึงไปกับกลิ่นกายอบอวลของผู้ชายของแฟรงค์ มือหนาของแฟรงค์ไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนเปลือยเปล่าของเอพริลที่บิดเร่าในอ้อมกอด เสียงหอบหายใจกระเส่าดังระงมไปทั่วห้องยามที่เรียวขาของหญิงสาวเกี่ยวรัดรอบเอวสอบของเขาอย่างไม่ยอมถดถอย ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความร้อนแรงและกระหาย เสียงครางแผ่วเบาเล็ดลอดออกจากริมฝีปากอิ่มที่คลอเคลียอยู่กับซอกคอของแฟรงค์ แผ่นหลังของเอพริลแอ่นโค้งรับการโลมไล้ที่ละเลงความปรารถนาลงบนผิวเนื้อนุ่มหยุ่น แฟรงค์กดจูบลงบนหัวไหล่เปลือยเปล่า ลากไล้ลงมาตามกระดูกไหปลาร้าก่อนจะใช้ปลายลิ้นแตะลงบนแอ่งชีพจรที่เต้นระรัวอย่างเร่งเร้า เอพริลหลับตาพริ้ม สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แรงบีบเค้นจากฝ่ามือของแฟรงค์ที่บดเบียดเนื้อนวลบนสะโพกของเธอยิ่งกระตุ้นให้เธอบิดเร่าไปกับแรงปรารถนาที่ไม่รู้จักพอในกาย เขาพลิกตัวเธอให้หันหน้าเข้าหา ก้มลงจูบกลีบปากอิ่มอย่างดูดดื่ม ส่งเสียงครางต่ำในลำคอราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหิวโหย
“อยากให้ผมหยุดไหม?” เขาถามชิดริมฝีปาก เอพริลส่ายหน้า ตอบรับด้วยเสียงครางกระเส่า แฟรงค์จึงกดจูบลงไปอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งที่เป็นเธอ
“ปิดเทอมนี้ไปเที่ยวบ้านผมกันดีไหม?” แฟรงค์เอ่ยปากชวนขณะที่พวกเขากำลังจิบไวน์อยู่บนระเบียงห้อง ดวงตาของเขาทอประกายระยับยามที่มองไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืนของลอนดอน “ผมเหงาที่ต้องกลับไปคนเดียว พ่อผมออกจะ...เคร่งขรึมไปหน่อยน่ะ”
เอพริลเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “บ้านคุณเหรอ? ที่ไหนล่ะ”
“ปราสาทเก่าแก่บนยอดเขา ทางตอนเหนือ” แฟรงค์ยิ้มกว้าง “รับรองว่าสวยจนคุณต้องทึ่ง”
ความอยากรู้อยากเห็นในตัวของเอพริลถูกจุดประกายขึ้นทันที เธอชอบเรื่องราวลึกลับและสถานที่แปลกใหม่ การไปเยือนปราสาทเก่าแก่ย่อมเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ดวงตาของเธอเป็นประกายระยับ “น่าสนใจนี่”
สองวันต่อมา รถยนต์คันหรูของแฟรงค์พุ่งทะยานไปตามถนนชนบทที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่กว้างสุดลูกหูลูกตา สลับกับบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์คอตเทจที่ดูราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดสีน้ำมัน แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องลงมากระทบผืนดินอย่างอ่อนโยน สร้างเงาทอดยาวเป็นทาง เสียงเพลงแจ๊สคลอเบาๆ จากเครื่องเสียงภายในรถ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นไม้จันทร์ของแฟรงค์ปะปนกับกลิ่นไวน์แดงที่จิบเบาๆ เอพริลเอนกายพิงเบาะกำมะหยี่สีครีม ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรถแล่นลึกเข้าไปในเขตชนบทมากขึ้นเท่าไหร่ บรรยากาศก็ยิ่งเงียบสงบและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติที่บริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น
“อีกไม่นานก็ถึงแล้ว” แฟรงค์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นสายตาของเอพริลที่เต็มไปด้วยประกายระยับ
เมื่อรถเลี้ยวผ่านโค้งสุดท้าย ภาพของปราสาทเก่าแก่ขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอย่างน่าตื่นตะลึง มันตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง มองเห็นทะเลสาบสีฟ้าครามกว้างใหญ่ไพศาลที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา ตัวปราสาทสร้างจากหินสีเข้มสนิท มีมอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุมบางส่วน บ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนาน ผนังหินแกร่งดูแข็งแกร่งราวกับเรื่องราวพันปีที่ถูกสลักเสลาไว้ รายล้อมด้วยป่าทึบและสวนกุหลาบที่ดูเก่าแก่แต่ก็ยังคงความงามสง่า กลิ่นดินชื้นๆ และกลิ่นของใบไม้เก่าๆ ลอยมาตามลมปะปนกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบที่โรยตัวอยู่ตามพุ่มไม้ เอพริลรู้สึกได้ถึงความขลังและมนต์เสน่ห์บางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวปราสาทแห่งนี้
“ที่นี่สินะ บ้านของคุณ” เอพริลกระซิบแผ่วเบาราวกับกลัวจะรบกวนความเงียบสงัดของสถานที่
แฟรงค์ยิ้มรับ เขาขับรถผ่านประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ที่เปิดอ้าออกสู่ถนนลาดยาวคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา ก่อนจะหยุดรถลงเบื้องหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาบริเวณปราสาท มันดูทันสมัยกว่า แต่ก็ยังคงกลิ่นอายของความโอ่อ่าและหรูหรา ภายในคฤหาสน์ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักเก่าแก่ผสมผสานกับความทันสมัยของงานศิลปะ โคมไฟระย้าคริสตัลระยิบระยับสะท้อนแสงไฟสลัวๆ ทำให้เกิดประกายแพรวพราว ภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่ประดับอยู่บนผนังบอกเล่าเรื่องราวของตระกูลที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
“นั่นพ่อผม” แฟรงค์กระซิบ มือของเขาแตะเบาๆ ที่ข้อศอกของเอพริล เพื่อบ่งบอกให้เธอหันไปมอง
ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีเข้มยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปนอกสวน ดวงตาคมกริบแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าและเยือกเย็น รูปร่างของเขาดูแข็งแรงบึกบึน แม้จะผ่านวัยสี่สิบมาแล้ว ผิวสีแทนเข้ม ผมสีดำขลับที่แซมขาวบางส่วนที่ขมับ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบที่มักจะเม้มเข้าหากัน แววตาของเขาจับจ้องมาที่เอพริลอย่างสำรวจกึ่งท้าทาย ราวกับกำลังประเมินค่าบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ แม้จะดูนิ่งเงียบและสงบ แต่เอพริลกลับรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างจากชายกลางคนผู้นี้ บางสิ่งบางอย่างที่เร่าร้อนและดิบเถื่อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสง่างามนั้น ทำให้หัวใจของเอพริลเต้นระรัวผิดจังหวะ
“ท่านเคานต์ เฟอร์ดินานด์ เดออน กอนเดอแวน บิดาของผมเอง” แฟรงค์แนะนำพร้อมรอยยิ้ม
ท่านเคานต์พยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า แต่ดวงตาคมกริบนั้นกวาดมองเอพริลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพิจารณา แววตาที่ฉายออกมาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีทำให้เอพริลรู้สึกราวกับถูกเปลวไฟแผดเผาอย่างจัง มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แต่ลึกๆ ลงไปในสัญชาตญาณอันดิบเถื่อนของเธอ เธอสัมผัสได้ถึงแรงปรารถนาที่ร้อนแรงไม่แพ้กันจากชายผู้นี้ แรงดึงดูดที่แฝงด้วยอำนาจและเสน่ห์ลึกลับกำลังก่อตัวขึ้นในใจเธอ มันไม่ใช่ความรักใคร่แบบหนุ่มสาว แต่เป็นความลุ่มหลงในพลังอำนาจที่แฝงอยู่ในตัวเขา และหัวใจของเธอก็เต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเรา เอพริล” เสียงทุ้มต่ำของท่านเคานต์กังวานในโสตประสาทของเธอ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ แต่ในขณะเดียวกันก็เจือไปด้วยความนุ่มลึกอย่างประหลาด
แฟรงค์รีบตัดบท “ท่านพ่อจัดการให้คุณพักที่ปีกตึกทางทิศตะวันตก ห้องนั้นจะมีความเป็นส่วนตัวสูง และมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก”
ค่ำคืนนั้น หลังอาหารค่ำที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรสชาติ เอพริลอยู่ในชุดราตรีผ้าไหมสีแดงเข้มรัดรูปที่เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของเรือนร่าง เธอเดินทอดน่องสำรวจห้องนอนที่หรูหราของปีกตึกทางทิศตะวันตกตามที่แฟรงค์บอก เพดานสูงโปร่งประดับด้วยโคมระย้าคริสตัล เปลวไฟจากเตาผิงเต้นระริกในความมืดสลัวส่งไออุ่นอบอวลไปทั่วห้อง เตียงสี่เสาประดับด้วยผ้าม่านโปร่งแสงพลิ้วไหว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลาเวนเดอร์ลอยคละคลุ้ง แสงจันทร์สีนวลสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ พาดผ่านลงบนผืนพรมเปอร์เซียสีแดงก่ำ
ประตูห้องเปิดออกช้าๆ แฟรงค์เดินเข้ามาในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าไหมสีเข้ม ใบหน้าของเขามีแววตาวาววับด้วยความปรารถนา เขาตรงเข้ามาโอบกอดเอพริลจากด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายผสมกับกลิ่นกายของเขาที่คุ้นเคยโชยเข้าจมูก เอพริลเอนตัวพิงแผงอกกว้างของเขา สัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวจากร่างกายของเขาที่ส่งผ่านมา เธอยกมือขึ้นลูบไล้แขนที่กำยำของเขาอย่างแผ่วเบา
“คิดถึงผมไหม?” เสียงกระซิบพร่าของแฟรงค์ดังอยู่ข้างหู
เอพริลหัวเราะคิกคัก “คุณก็รู้ว่าคำตอบคืออะไร” เธอหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับดวงตาคมกริบของเขาอย่างจงใจ มือเรียวเลื่อนขึ้นไปปลดเชือกผูกเสื้อคลุมอาบน้ำของแฟรงค์ออกช้าๆ เผยให้เห็นเรือนร่างที่แข็งแรงและกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นภายใต้แสงจันทร์ รอยสักเล็กๆ รูปดาบที่ต้นแขนขวาของเขาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
April: Summer's Hidden Flame
ตอนที่ 1: เปลวไฟใต้เงามืด [2]
“คิดถึงผมไหม?” เสียงกระซิบพร่าของแฟรงค์ดังอยู่ข้างหู
เอพริลหัวเราะคิกคัก “คุณก็รู้ว่าคำตอบคืออะไร” เธอหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับดวงตาคมกริบของเขาอย่างจงใจ มือเรียวเลื่อนขึ้นไปปลดเชือกผูกเสื้อคลุมอาบน้ำของแฟรงค์ออกช้าๆ เผยให้เห็นเรือนร่างที่แข็งแรงและกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นภายใต้แสงจันทร์ รอยสักเล็กๆ รูปดาบที่ต้นแขนขวาของเขาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
แฟรงค์ไม่รอช้าที่จะดึงเอพริลเข้ามาในอ้อมกอด ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาบดเบียดลงบนริมฝีปากอิ่มของเธออย่างดูดดื่ม แขนแกร่งรัดรอบเอวของเธอแน่นจนแทบจะกลืนหายไปในกายเขา ก่อนที่เขาจะก้มลงจุมพิตที่ซอกคอของเอพริลอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากอุ่นร้อนไล้ลงมาตามลาดไหล่ เคลื่อนไปหยุดอยู่ที่ไหปลาร้า เธอกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม สองมือของเธอเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอเขา ดึงรั้งให้ใบหน้าของเขาเข้ามาชิดมากขึ้น คลอเคลียเคล้าคลึงอยู่ที่ซอกคอ เสียงครางแผ่วเบาดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มของเธอ บ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น
กลิ่นหอมหวานจากน้ำหอมของเอพริลผสานกับกลิ่นกายของแฟรงค์ราวกับม่านหมอกล่องลอยไปทั่วห้องนอนหรูที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากเตาผิงเต้นระริกบนกำแพงหิน เสียงลมหายใจที่ร้อนระอุสอดประสานกันชิดใกล้ขณะที่แผ่นหลังของเธอกระทบกับผ้าปูเตียงเนื้อนุ่ม เนื้อผ้าซาตินเย็นวาบกระทบเรือนกายเปลือยเปล่าที่ร้อนผ่าว ก่อนที่ไออุ่นจากร่างหนาจะทาบทับลงมาทั้งตัว
กล้ามเนื้อแน่นตึงเครียดของแฟรงค์แนบสนิทกับผิวเนียนลื่นไร้ที่ติของเธอ มือหนาเปื้อนกลิ่นไวน์แดงค่อยๆ เลื่อนลูบไปตามลำคอระหง ไล่ลงสู่ไหล่เปลือยที่กำลังสั่นไหวด้วยความรู้สึกท่วมท้น สัมผัสหยาบกร้านของฝ่ามือข้างหนึ่งลูบไล้ผ่านซี่โครงขึ้นมาจนใต้ทรวงนุ่มแน่นที่กระเพื่อมตามลมหายใจ ก่อนจะบดเคล้นอย่างแนบแน่นด้วยแรงที่ชวนให้เธอหอบครางออกมาด้วยความปรารถนาอันเก็บกดที่ทนไม่ไหว
“ข้างในคุณร้อนจนผมอยากเผาให้ลุกเป็นไฟ...” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแนบข้างใบหู ริมฝีปากของเขาฉกชิมกลีบหูของเธอด้วยปลายลิ้นเปียกชื้น แล้วไล้ต่ำลงไปที่ซอกคออย่างไม่รีบร้อน ราวกับจงใจแกล้งให้เธอบิดเร่าอยู่ใต้ร่างเขาอย่างหมดสิ้นความควบคุม
“แฟรงค์...” เสียงของเธอหลุดออกมาอย่างลมหายใจ เธอหลับตาแน่น นิ้วมือจิกแน่นที่ไหล่กว้างของเขาเมื่อชายหนุ่มฝังใบหน้าลงที่อกแน่นของเธอ กลีบปากหยักสวยดูดดึงยอดทรวงสลับกับขบเบาๆ สร้างรอยซ่านวาบที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง
“เสียงของคุณ...มันทำให้ผมคลั่ง เอพริล...” เขากระซิบพร่าในลำคอ ก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นมาแนบชิดใบหน้าเธออีกครั้ง นิ้วมือของเขาไล้เส้นผมที่กระเซอะกระเซิงออกจากกรอบหน้า แล้วประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มของเธออย่างดูดดื่ม ลิ้นของเขารุกไล้อย่างเชี่ยวชาญ จนเสียงครางในลำคอของเธอดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เธอจูบตอบรุนแรง ริมฝีปากทั้งสองบดเบียดกันแน่นด้วยความกระหาย แฟรงค์ขบปากล่างเธอเบาๆ แล้วกระซิบชิดริมฝีปาก “เปิดให้ผม...ปล่อยให้ผมเข้าไปในที่ที่คุณจะได้รับความสุข...”
เขาค่อยๆ โน้มตัวลงกดเรียวขาของเธอให้แยกกว้างขึ้น เสียงผ้าปูเตียงยับยู่ยี่เมื่อเธอบิดกายรับสัมผัสจากปลายนิ้วของเขาที่ลากช้าๆ ไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบไปจนถึงจุดที่ความร้อนรวมตัวสั่นระริก มือของเขาแนบแน่น ละเมียดละไมแต่ทรงพลัง เขากระซิบขณะกดจูบเบาๆ ลงตรงสะดือเธอ “รสชาติของคุณ...ผมจะไม่มีวันลืม”
เสียงหอบหายใจของเอพริลดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแฟรงค์ใช้ริมฝีปากและลิ้นสัมผัสเธอในจุดที่บอบบางที่สุด สัมผัสของเขาช่างร้อนแรงและเปียกชื้นแต่กลับนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเวียนวนตรงนั้นอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับตั้งใจจะขโมยวิญญาณของเธอทีละนิด เสียงครางของเธอกระทบผนังห้อง เสียงเปียกจากลิ้นของเขาผสานกับลมหายใจร้อนระอุ
“ได้ยินเสียงคุณแบบนี้...ผมรู้เลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเคยทำให้คุณเป็นแบบนี้มาก่อน” เขาผละริมฝีปากขึ้นมา สบตากับเธออย่างดิบเถื่อนร้อนแรง “ใช่มั้ยเอพริล...”
เธอพยักหน้าช้าๆ อย่างไม่อาจหลบตา เส้นผมเปียกเหงื่อแนบใบหน้า ดวงตาเธอฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากเผยอออก ราวกับพร้อมมอบทุกสิ่งให้เขาอย่างสิ้นท่า
แฟรงค์โน้มตัวขึ้นมาพร้อมประกบปากแนบจูบเธออีกครั้ง มือเขาจับเรียวขาเธอข้างหนึ่งพาดไว้บนแขน แล้วขยับกายแทรกเข้าไปช้าๆ ความแน่นร้อนและดิบเถื่อนที่แทรกเข้ามานั้นทำเอาเธอกัดฟันแน่นพร้อมเสียงหอบครางที่หลุดลอดออกมา
“คุณทั้งแน่น ทั้งหวาน ทั้งร้อน...เหมือนจะกลืนผมลงไป” เสียงพร่าของเขาสั่นเบาๆ ขณะเริ่มขยับจังหวะอย่างแนบแน่นและลึกล้ำ จังหวะการสอดประสานระหว่างสองร่างเริ่มกระชั้นชิด เสียงกระทบของเนื้อแนบเนื้อดังผสานกับเสียงหอบหายใจและเสียงครางที่แผ่วลึก
แฟรงค์จับเธอแน่นในอ้อมแขน แรงบีบกระชับของมือที่บั้นท้ายเธอทำให้เธอยิ่งรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของที่เขากำลังประกาศให้ร่างกายเธอรับรู้ เขากระซิบถ้อยคำร้อนระอุใส่ข้างหู “ผมจะทำให้เธอไม่มีวันลืมผม...แม้แต่ในความฝัน”
“คุณทำให้ฉัน...ละลาย...” เธอครางเบาๆ เสียงแหบพร่าของเธอราวกับบทกวีในความมืด
แฟรงค์เพิ่มจังหวะการเคลื่อนไหวเร็วขึ้น แรงขึ้น ขณะที่มืออีกข้างลูบไล้ต้นขาเธอแล้วเลื่อนขึ้นมาจับมือเล็กของเธอไว้แน่น นิ้วของเขาไขว้ประสานแนบแน่นกับเธอราวกับคำสัญญาเงียบๆ ท่ามกลางแสงเงาสลัว เสียงเตาผิงที่แตกเปรี๊ยะกลายเป็นเพียงฉากหลังของอารมณ์ที่ทวีความร้อนแรงราวเพลิงที่ไม่มีผู้ใดควบคุมได้
เสียงครางของเอพริลดังขึ้นสอดคล้องกับเสียงครางต่ำของเขา ทั้งคู่เคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวในจังหวะที่ลึกซึ้งและร้อนแรง แฟรงค์ฝังใบหน้าลงที่ไหล่ของเธอ แล้วกระซิบเสียงพร่า “เหมือนคุณเกิดมาเพื่อผม...ร่างกายของคุณมันร้องเรียกผมทุกวินาที...รู้ไหมเอพริล”
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเรือนกายที่หลอมรวมเป็นหนึ่ง เสียงหายใจที่กระชั้นของทั้งคู่กึกก้องราวเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนโลกภายนอกไร้ความหมาย
เมื่อทุกจังหวะถึงปลายทาง ความตึงเครียดภายในร่างก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงครางที่ดังที่สุดของคืน เอพริลบิดกายเข้าแนบเขา ร่างเธอเกร็งกระตุก แฟรงค์กัดฟันแน่นพร้อมกระแทกตัวลึกสุดท้ายอย่างแรง ก่อนจะปล่อยความรู้สึกทั้งหมดลงในตัวเธอ
เงียบงันปกคลุมห้องสักพัก มีเพียงเสียงลมหายใจหนักที่ค่อยๆ ผ่อนลง แฟรงค์ซบหน้ากับเนินอกของเธอ ขณะที่เธอยกมือลูบผมเขาช้าๆ ปลายนิ้วไล้ผิวเขาเหมือนต้องการจดจำทุกอณูของกันและกัน
“คืนนี้...” เขากระซิบเบาใกล้ริมฝีปากของเธอ “ผมจะไม่ปล่อยให้คุณหลับ...จนกว่าคุณจะยอมรับว่าร่างกายของคุณ...เป็นของผม”
เอพริลแย้มรอยยิ้มบาง ลมหายใจยังอุ่นร้อน “คุณไม่ต้องบอกฉันหรอกแฟรงค์...ร่างกายของฉันมันตอบแทนคุณไปหมดแล้ว”
เสียงหัวเราะแผ่วของเขากระซิบซ้อนกับราตรีอันเร่าร้อน ที่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น…
April: Summer's Hidden Flame
ตอนที่ 2: แรงดึงดูดต้องห้าม
แสงอรุณยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนอน พาดผ่านผ้าม่านเนื้อบางเบา วาดเป็นลวดลายเรขาคณิตบนผืนพรมเปอร์เซียสีแดง เอพริล ลืมตาขึ้นช้าๆ สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายของ แฟรงค์ ที่โอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง กลิ่นกายของเขายังคงติดตรึงอยู่ในห้วงสำนึกจากค่ำคืนอันเร่าร้อนที่ผ่านมา เธอขยับตัวเล็กน้อย แสงสว่างภายนอกเชื้อเชิญให้เธอออกไปสัมผัสโลกเบื้องนอกที่กำลังตื่นขึ้น
หลังจากมื้อเช้าที่เต็มไปด้วยความเงียบงันปนความผ่อนคลาย แฟรงค์พาเอพริลออกไปขี่ม้าชมรอบบริเวณปราสาทและเมืองชนบทเล็กๆ ม้าสีขาวสง่างามพาสองร่างทะยานไปตามเส้นทางลูกรัง กลิ่นหญ้าอ่อนที่เพิ่งถูกน้ำค้างพรมพรายยามเช้าโชยมาตามลม ปะปนกับกลิ่นดินชื้นๆ ที่ลอยขึ้นมาจากพื้นยามเกือกม้ากระทบดิน ทิวทัศน์เบื้องหน้าสุดลูกหูลูกตาประกอบด้วยหมู่บ้านเล็กๆ ที่เรียงรายไปตามไหล่เขา บ้านเรือนเก่าแก่ที่สร้างด้วยหิน มอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุมหลังคาไม้และผนังหินอย่างสวยงาม บางหลังมีปล่องไฟที่ยังคงมีควันจางๆ ลอยขึ้นไปในอากาศราวกับเชื้อเชิญให้เข้าไปสัมผัสความอบอุ่นภายใน เสียงระฆังจากโบสถ์เก่าแก่กลางหมู่บ้านดังกังวานแผ่วๆ สลับกับเสียงนกร้องยามเช้า สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและงดงามราวภาพวาด แฟรงค์ชี้ชวนให้เอพริลดูต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาแผ่ร่มเงาไปทั่วบริเวณ เล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ตระกูลเดออน กอนเดอแวนที่เต็มไปด้วยวีรกรรมอันน่าตื่นเต้น ทั้งเรื่องราวของนักรบผู้กล้าหาญที่เคยปกป้องแผ่นดินนี้ เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและความรักที่ร้อนแรงของบรรพบุรุษบางคน โดยเฉพาะบรรพบุรุษชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความหล่อเหลาเจ้าชู้และมีชื่อเสียงในการพิชิตใจสาวงามมากมาย เอพริลฟังอย่างเพลิดเพลิน สายตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกเรื่องราวที่แฟรงค์เล่าทำให้เธอรู้สึกราวกับกำลังหลุดเข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของตระกูลนี้
“บรรพบุรุษของผมน่ะ เขาว่ากันว่าเป็นพวกเลือดร้อน” แฟรงค์พูดกลั้วหัวเราะ ดวงตาเป็นประกายระยับยามที่มองไปยังเอพริล “บางครั้งก็ทำอะไรตามใจตัวเอง โดยไม่สนว่าใครจะมองยังไง”
เอพริลยิ้มเล็กน้อย พลางคิดในใจว่านั่นคงเป็นสิ่งที่เธอมีร่วมกับบรรพบุรุษของเขา
เช้าวันที่สามที่คฤหาสน์ ความเงียบสงัดของยามเช้าถูกรบกวนด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในห้องนอนของแฟรงค์ เขาหยิบขึ้นมารับด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่จะวางสายลงพร้อมกับถอนหายใจยาว “พ่อทูนหัวของผมป่วยหนัก ผมต้องรีบไปเยี่ยมเขาที่เมือง” แฟรงค์พูดด้วยน้ำเสียงกังวล “เขาป่วยมานานแล้ว แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะหนักกว่าทุกครั้ง ผมคงต้องอยู่ที่นั่นสักสองถึงสามสัปดาห์เพื่อช่วยดูแลธุรกิจของท่านด้วย”
เอพริลขมวดคิ้ว เธอยังคงรู้สึกปวดเมื่อยเล็กน้อยจากการเดินทางและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทำให้ร่างกายยังปรับตัวไม่ทัน "ฉันคงไม่สะดวกเดินทางไกลตอนนี้เลยแฟรงค์ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่จากการเดินทางก่อนหน้านี้ด้วย" เธอเงยหน้ามองเขา แววตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงบางสิ่ง “ฉันว่าฉันอยู่ดูแลท่านเคานต์ พ่อของคุณที่นี่ดีกว่านะแฟรงค์ อย่างน้อยคุณก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ด้วย”
เอพริลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่แฟรงค์หันมามองเอพริล ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโล่งใจและซาบซึ้ง
“คุณแน่ใจนะเอพริล? ผมเกรงใจคุณจริงๆ”
“ฉันแน่ใจ” เอพริลยิ้มเล็กน้อย “อีกอย่าง...ฉันก็ยังอยากสำรวจปราสาทนี้ให้ทั่วๆ ด้วย”
แฟรงค์เดินเข้ามาสวมกอดเอพริลแน่น ใบหน้าของเขาซบลงบนไหล่ของเธอ กลิ่นกายของเขาอบอุ่นและคุ้นเคย “ขอบคุณนะเอพริล คุณช่วยผมได้มากจริงๆ งั้นเดี๋ยวผมรีบจัดของแล้วออกเดินทางเลย”
แฟรงค์เริ่มจัดกระเป๋าอย่างเร่งรีบ เอพริลเดินตามเข้าไปในห้องแต่งตัว เธอหยิบเสื้อผ้าบางชิ้นออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วจัดเรียงให้เข้าที่ในกระเป๋าของเขา แฟรงค์หันกลับมามองเธอ ดวงตาของเขาฉายแววปรารถนาอย่างเปิดเผย เขาตรงเข้ามาประชิดกายเธอ มือของเขาลูบไล้ไปตามแขนเรียวอย่างช้าๆ ก่อนจะโอบเอวเธอเข้ามาชิด แสงยามเช้าที่เล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างส่องกระทบผิวกายของทั้งคู่ ทำให้เห็นเงาที่ทาบทับกันบนพื้น
“คุณคงจะคิดถึงผมแย่เลย” เสียงทุ้มต่ำของแฟรงค์กระซิบชิดริมฝีปากอิ่มของเอพริล ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างไม่วางตา ริมฝีปากของเขาเริ่มไล้ไปตามซอกคอขาวเนียน สัมผัสถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผิวเธอ เอพริลแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย รับสัมผัสที่เร่าร้อนของเขาอย่างเต็มที่ เธอยกมือขึ้นสอดประสานกับเส้นผมของแฟรงค์ นิ้วเรียวของเธอลูบไล้ไปตามท้ายทอยของเขาอย่างเย้ายวน
“คุณต่างหากที่จะต้องคิดถึงฉัน” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงพร่า แววตาฉายความท้าทาย ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มหนักหน่วงขึ้น แฟรงค์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกอย่างเร่งรีบ เผยให้เห็นแผงอกที่กำยำและกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่น เอพริลเลื่อนมือลงไปสัมผัสแผงอกของเขาอย่างแผ่วเบา สัมผัสได้ถึงความร้อนจากกายของเขาที่ส่งผ่านมา สองร่างเคลื่อนเข้าหากันอย่างรวดเร็ว กลิ่นกายของทั้งคู่ผสมผสานกันในอากาศที่เริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อหนังที่เสียดสีกันดังก้องในความเงียบเชียบ
แฟรงค์อุ้มเอพริลขึ้นวางบนโต๊ะไม้เนื้อดีที่อยู่ใกล้ๆ เรียวขาขาวเนียนโอบรัดเอวของเขาไว้อย่างแน่นหนา เขาประคองสะโพกเธอให้เลื่อนเข้าหา ลำตัวของแฟรงค์แนบชิดกับความอ่อนนุ่มที่ถูกปกปิด แรงเบียดเสียดที่รุนแรงทำให้เอพริลต้องเงยหน้า ครางต่ำในลำคอ แฟรงค์ไล้ปลายนิ้วไปตามเรียวขาของเธอที่เกาะเกี่ยวเขาไว้ พลางใช้ลิ้นไล้เลียซอกคอขาวเนียนอย่างกระหาย สัมผัสถึงชีพจรที่เต้นระรัวใต้ผิวเนื้อ “ฉันคงจะคิดถึงเธอมากจริงๆ เอพริล” เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบแผ่วเบา ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาบดเบียดลงบนริมฝีปากอิ่มของเธออย่างดูดดื่ม แรงดึงดูดที่เคยมีมาตลอดกลับลุกโชนขึ้นอีกครั้งราวกับเปลวเพลิงที่ถูกราดด้วยน้ำมัน แขนแกร่งของแฟรงค์โอบรัดเอวของเอพริลแน่นจนร่างของเธอแนบชิดกับแผงอกที่แน่นตึงไปด้วยกล้ามเนื้อ ผิวเนื้อของเขาร้อนผ่าวราวกับแผ่นเหล็กที่เพิ่งหลอมจากเตา ความแข็งแกร่งที่ห่อหุ้มร่างเธอไว้แน่นหนานั้นทั้งอบอุ่นและน่าหวาดหวั่นในคราเดียว เสียงหายใจของเขาหนักกระชั้นและร้อนระอุ เป่ารดซอกคอของเธอจนขนอ่อนลุกชัน ริมฝีปากแกร่งลากไล้อย่างช้าๆ ไปตามแนวคาง ไล่ลงจนถึงต้นคอที่สะท้านด้วยความรู้สึกวาบหวาม ก่อนจะขบเม้มผิวเนื้อของเธอเบาๆ ราวกับหมายจะทิ้งรอยไว้เป็นกรรมสิทธิ์
April: Summer's Hidden Flame
ตอนที่ 2: แรงดึงดูดต้องห้าม
เมื่อผ่านพ้นบทรักที่เร่าร้อนบนโต๊ะ แฟรงค์ก็ผละจูบลงมาที่ลำคอ แล้วค่อยๆ ช้อนอุ้มร่างเอพริลจากโต๊ะเดินตรงไปยังเตียงนอน เสียงครางจากเอพริลดังขึ้นเมื่อเขาผลักร่างของเธอล้มลงกับเตียงเบาๆ ก่อนที่เขาจะตามลงมาทับในทันที เขากัดกรามอย่างพยายามควบคุมตัวเอง แต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนาที่พร้อมจะแผดเผาเธอ...
“ผมคงจะคิดถึงคุณมาก ให้ตายสิ เอพริล คุณเป็นผู้หญิงที่ร้อนแรงของแท้เลย” เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบแผ่วเบา ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาบดเบียดลงบนริมฝีปากอิ่มของเธออย่างดูดดื่ม แรงดึงดูดที่เคยมีมาตลอดกลับลุกโชนขึ้นอีกครั้งราวกับเปลวเพลิงที่ถูกราดด้วยน้ำมัน แขนแกร่งของแฟรงค์โอบรัดเอวของเอพริลแน่นจนร่างของเธอแนบชิดกับแผงอกที่แน่นตึงไปด้วยกล้ามเนื้อ ผิวเนื้อของเขาร้อนจัดอย่างกับแผ่นเหล็กที่เพิ่งหลอมจากเตา ความแข็งแกร่งที่ห่อหุ้มร่างเธอไว้แน่นหนานั้นทั้งอบอุ่นและน่าหวาดหวั่นในคราเดียว เสียงหายใจของเขาหนักกระชั้นและร้อนระอุ เป่ารดซอกคอของเธอจนขนอ่อนลุกชัน ริมฝีปากแกร่งลากไล้อย่างช้าๆ ไปตามแนวคาง ไล่ลงจนถึงต้นคอที่สะท้านด้วยความรู้สึกวาบหวาม ก่อนจะขบเม้มผิวเนื้อของเธอเบาๆ ราวกับหมายจะทิ้งรอยไว้เป็นกรรมสิทธิ์
“คุณไม่รู้เลยว่าผมอดทนกับกลิ่นกายของคุณ...เสียงของคุณ...รอยยิ้มของคุณไม่ได้” เสียงกระซิบต่ำในลำคอของเขาช่างกรุ้มกริ่มแต่หนักแน่นจนเธอต้องกลั้นหายใจ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ผ่านแนวสันหลังของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะเลื่อนลงต่ำไปยังสะโพก แล้วบีบเค้นด้วยแรงดิบที่ไร้การปรุงแต่ง ความร้อนผ่าวแล่นผ่านร่างของเอพริลในชั่วพริบตา
เธอไม่อาจต้านแรงที่บีบตัวเธอไว้จนแผ่นอกอ่อนนุ่มของเธอแนบชิดแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงหนักหน่วงของเขา เรียวขาของเธออ่อนแรงสั่นระริก ก่อนจะเผลอบิดเบียดเข้าหาเรียวขาแข็งแรงของเขาโดยไม่รู้ตัว กลิ่นหอมหวานจากน้ำหอมของเธอผสมปนกับกลิ่นหนังจากเสื้อของเขาและกลิ่นกายดิบเถื่อน จนกลายเป็นกลิ่นเร้ารัญจวนที่ลอยฟุ้งในอากาศ
“แฟรงค์...” เสียงครางเรียกชื่อเขาหลุดออกจากริมฝีปากของเธออย่างไร้การควบคุม
“พูดอีกทีสิ...” เขากระซิบแนบใบหูของเธอ ปลายจมูกลากไล้ไปตามแนวกราม “เสียงของคุณตอนเรียกชื่อผมมันทำให้ผมแทบบ้า...รู้ไหม”
มือของเขาเลื่อนขึ้นสอดเข้าใต้เสื้อเชิ้ตบางที่เธอสวมอยู่ ปลายนิ้วหยาบกร้านปัดผ่านผิวเนื้ออ่อนละมุนของเธอจนสะดุ้ง ร่างของเธอสั่นไหว แผ่นหลังแอ่นรับสัมผัสจากมือของเขาโดยไม่รู้ตัว
เสื้อผ้าเริ่มหลุดร่วงลงทีละชิ้น แฟรงค์กดรอยจูบร้อนแรงไล่ลงมาตามลาดไหล่ ไล่ลงไปถึงแผ่นหลัง มืออีกข้างของเขาสอดเข้าด้านหลังรั้งเธอไว้แน่นในขณะที่ริมฝีปากยังคงทำงานกับทุกตารางนิ้วที่เขาแตะต้อง
“ผิวของคุณนุ่มจนผมอยากฝังตัวเองไว้ทั้งคืน” เสียงเขาต่ำและทุ้ม เสียงขาดเป็นช่วงๆ จากแรงอารมณ์ที่พุ่งพล่าน
เสียงครางของเอพริลดังขึ้นเมื่อเขาผลักร่างของเธอล้มลงกับเตียงเบาๆ ก่อนที่เขาจะตามลงมาทับในทันที เขากัดกรามอย่างพยายามควบคุมตัวเอง แต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนาที่พร้อมจะแผดเผาเธอ
“ถ้าคุณยังทำหน้าตาแบบนั้น ผมจะไปไหนไม่ได้ ผมคงไม่ปล่อยคุณลุกจากเตียงนี้ไปไหนได้ทั้งวัน”
เธอยิ้มอย่างท้าทาย หยอกเย้า ปลายนิ้วไล้ผ่านข้างกรามของเขา “งั้นคุณก็คงจะไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อทูนหัวของคุณหรอ…” เธอหัวเราะคิก “ยังไงก็ตาม ฉันยังไม่เคยเจอใครที่หิวโหย กินจุ กินดุแบบคุณมาก่อน”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก...” เขารั้งใบหน้าของเธอขึ้นประกบริมฝีปากเข้าหาอย่างดุดัน ลิ้นของเขาแทรกเข้าไปภายในอย่างแนบแน่น จูบของเขาหนักแน่น เย้ายวน ร้อนแรงอย่างคนที่ไม่มีเวลาจะรีรอ มือของเขาสอดเข้าใต้แผ่นหลังของเธออีกครั้ง ก่อนจะปลดตะขอชุดชั้นในออกอย่างชำนาญ
ผิวเนื้อแนบชิดกันทุกจุด ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยไฟปรารถนา เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังแผ่วแต่รัวเร็ว ร่างของเขาเคลื่อนไหวเหนือเธออย่างทรงพลังจนเตียงสะเทือน
เสียงหอบหายใจดังเป็นจังหวะ เสียงครางอันหนักแน่นจากแฟรงค์สะท้อนอยู่ในอกของเอพริล เธอเกร็งมือขยุ้มผ้าปูเตียงแน่น ริมฝีปากเผยอรับเสียงคร่ำครวญอย่างโหยหาของตัวเองที่หลุดรอดออกมา
“แฟรงค์...คุณ...มันป่าเถื่อนชะมัด”
เขาหัวเราะต่ำในลำคอ ก่อนจะรวบข้อมือของเธอรั้งขึ้นตรึงกับหมอน “ป่าเถื่อนพอเหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นกับไฟแบบคุณ...”
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านสีครีมอ่อน กระทบกับเหงื่อที่เกาะบนผิวเนื้อของทั้งคู่เป็นประกายวาววับ ร่างของแฟรงค์ยังคงเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดหย่อน ทุกรูปแบบ ทุกองศา ถูกควบคุมด้วยความชำนาญและแรงขับจากความต้องการที่กักเก็บมานานจนปะทุ
เสียงครางของเอพริลเปลี่ยนไปจากเบาๆ เป็นหนักหน่วง ลมหายใจของเธอหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่มีช่องไฟสำหรับสติ
“พูดมันออกมา เอพริล...”
“ฉัน...ฉันต้องการคุณ...ตอนนี้...ทั้งตัวคุณ...” เสียงเธอสั่นพร่า ร่างสั่นไหวราวกับจะถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความเสียวซ่านที่แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์
แฟรงค์ก้มลงจูบเธออีกครั้ง คราวนี้อ่อนโยนและยาวนาน ริมฝีปากเคลื่อนไหวช้าๆ พร้อมกับฝ่ามือที่ลูบไล้กรอบหน้าของเธอ
“ผมจะทำให้คุณจำเช้านี้ไปตลอดชีวิต”
แผ่นหลังของเอพริลแอ่นขึ้นรับจังหวะสุดท้าย ก่อนที่เธอจะปลดปล่อยความรู้สึกออกมาอย่างสุดกลั้น เสียงครางของเธอสะท้อนก้องทั่วห้อง ร่างของเธอสั่นไหวอยู่ใต้ร่างของชายที่ไม่มีวันเธอจะลืมได้เลย
แฟรงค์ซบหน้าลงกับลำคอของเธอ หอบหายใจแรง ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ลามไปทั่ว แต่ดวงตากลับยังเปี่ยมด้วยความปรารถนา เขายังไม่อิ่ม ยังไม่พอ
“ผมยังไม่เสร็จหรอกนะ เอพริล...” เสียงกระซิบที่มาพร้อมรอยยิ้มที่แฝงความกระหาย ราวกับเขาเพิ่งเริ่มต้นการลงทัณฑ์แสนหวานกับเธอเท่านั้น…
April: Summer's Hidden Flame
ความเงียบที่หนักอึ้งเข้าปกคลุมห้องอาหารยามค่ำคืนหลังจากแฟรงค์จากไป มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจานกระเบื้องเคลือบแผ่วเบา และเสียงไวน์แดงที่ถูกรินลงแก้วคริสตัลอย่างสม่ำเสมอของ ท่านเคานต์ เอพริล สัมผัสได้ถึงสายตาคมกริบของเขาที่ลอบมองเธอเป็นระยะๆ มันไม่ใช่สายตาสำรวจเฉยๆ แต่เป็นประกายที่ร้อนแรงราวกับเปลวไฟที่ซ่อนอยู่ใต้เถ้าถ่านเก่าแก่ ทำให้ผิวเนื้อใต้เสื้อผ้าของเธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่ว แม้จะพยายามทำเป็นไม่สนใจ เธอเม้มริมฝีปาก พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ เพื่อกลบเกลื่อนความประหม่าที่ก่อตัวขึ้นภายใน
หลังมื้อค่ำที่จบลงด้วยความเงียบงัน เอพริลขึ้นมายังห้องพัก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาแฟรงค์ เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นปลายสาย "พ่อทูนหัวคงต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกสักพักใหญ่เลยล่ะเอพริล แล้วฉันก็ต้องช่วยงานที่นี่อีกหลายอย่าง เธอพักผ่อนก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอ" แฟรงค์บอกก่อนจะวางสายไป เอพริลวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างเตียง เธอเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้านอน แต่แล้วเมื่อเสียงเปียโนที่แว่วขึ้นมาจากห้องโถงด้านล่างกลับทำให้เธอชะงัก บทเพลงคลาสสิกที่แสนคุ้นเคยดังคลอขึ้นอย่างไพเราะราวกับกำลังบรรยายถึงความปรารถนาที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในห้วงลึกของจิตใจ
เพราะนั่นคือเพลงโปรดของเธอเลย
เอพริลยืนนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปยังตู้เสื้อผ้า เธอหยิบเสื้อคลุมผ้าซาตินสีดำเนื้อบางเบา ที่ชายผ้าพลิ้วไหวราวกับผิวน้ำ มาสวมทับชุดนอนลูกไม้สีดำสนิทที่เผยให้เห็นเรือนร่างเย้ายวนและปราศจากชั้นใน ความเย็นของผ้าซาตินลูบไล้ไปตามผิวเนื้อเนียนละเอียด ปลายลูกไม้สีดำสนิทบดเบียดกับเนินอกอิ่มอย่างเย้ายวน ก่อนจะทอดตัวลงคลุมสะโพกผายของเธออย่างบางเบา กลิ่นดอกกุหลาบอ่อนๆ ที่เธอใช้เป็นประจำลอยอบอวลไปทั่วกาย เอพริลสูดลมหายใจลึกๆ ดวงตากลมโตเป็นประกายท้าทาย เธอค่อยๆ ก้าวลงบันไดหินอ่อนอย่างเงียบเชียบ ราวกับผีเสื้อกลางคืนที่กำลังโผบินสู่แสงจันทร์
ท่านเคานต์เฟอร์ดินานด์ยังคงนั่งอยู่หน้าเปียโนตัวใหญ่สีดำขลับ นิ้วเรียวยาวบรรเลงบทเพลงอย่างเชี่ยวชาญ แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟระย้าส่องกระทบใบหน้าคมคายของเขา ทำให้เงาของสันจมูกโด่งทอดลงบนแก้ม แผงอกกว้างขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจอย่างสม่ำเสมอ กลิ่นซิการ์อ่อนๆ ที่ปะปนกับกลิ่นไวน์แดงคละคลุ้งอยู่ในอากาศ เอพริลเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น เสียงฝีเท้าของเธอแผ่วเบาจนท่านเคานต์แทบไม่ได้ยิน เขาหันกลับมามองเธอ ดวงตาคมกริบที่เคยเยือกเย็นยามนี้กลับทอประกายบางอย่างที่ยากจะคาดเดา
“ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเสียงเพลงโปรดของฉันจากคุณ” เอพริลเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ท่านเคานต์ยิ้มตอบ “ผมได้ยินจากแฟรงค์ว่าคุณเป่าฟลูทเก่ง ถ้างั้น...มาเล่นด้วยกันไหมล่ะ” เขากล่าว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบฟลูทเงินวาววับที่อยู่ในตู้เก็บเครื่องดนตรีมาส่งให้เธอ เอพริลรับฟลูทมาด้วยความยินดี นิ้วเรียวของเธอสัมผัสลงบนปุ่มกดที่เย็นเฉียบ
บทเพลงดำเนินไปอย่างไพเราะประสานกันระหว่างเสียงเปียโนที่หนักแน่นของท่านเคานต์กับเสียงฟลูทที่หวานกังวานของเอพริล ทุกครั้งที่เอพริลขยับตัวตามจังหวะดนตรี แขนเสื้อที่กว้างของเสื้อคลุมผ้าซาตินก็เผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดของเธอ แสงจากโคมไฟสลัวๆ สาดส่องกระทบผิวกายของเธอเป็นประกายยามเคลื่อนไหว ผ้าซาตินที่ลู่ไปตามเรือนร่างทำให้ส่วนโค้งเว้าของเธอยิ่งเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะเนินอกอิ่มที่ปราศจากชั้นใน เธอลอบชำเลืองมองท่านเคานต์เป็นระยะ และสังเกตเห็นแววตาของเขาที่เปลี่ยนไป จากความเคร่งขรึมกลายเป็นประกายที่ร้อนแรงเกินกว่าจะปกปิด แววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่ซ่อนเร้น แต่เอพริลก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ บังคับตัวเองให้มีสมาธิอยู่กับบทเพลงที่กำลังบรรเลง
เฟอร์ดินานด์หยุดเล่นเปียโนลง มือของเขาวางพาดอยู่บนคีย์บอร์ดอย่างเชื่องช้า “ผมจะขอไปสูบซิการ์สักมวน คุณเล่นต่อได้เลยนะ”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เอพริลพยักหน้าตอบรับ พลางจ้องมองแผ่นหลังกว้างใต้เสื้อคลุมผ้าไหมของท่านเคานต์ที่เดินออกไป กลิ่นสบู่หอมสะอาดปะปนกับกลิ่นซิการ์อ่อนๆ คลุ้งอยู่ในอากาศ บ่งบอกว่าเขาเองก็น่าจะเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ เอพริลยังคงบรรเลงบทเพลงต่อไป เสียงฟลูทหวานกังวานดังก้องไปทั่วห้องโถงที่เงียบสงัด
เมื่อเพลงจบลง ท่านเคานต์กลับมาพร้อมกับซิการ์ในมือ เขารินไวน์ให้เธอหนึ่งแก้ว สีแดงเข้มของไวน์สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ
“ขอบคุณสำหรับบทเพลงที่ไพเราะ”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม เอพริลรับแก้วไวน์มาดื่มช้าๆ ฤทธิ์ของไวน์เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้เธอรู้สึกถึงความร้อนที่ก่อตัวขึ้นภายใน
“ฉันว่าฉันง่วงแล้วล่ะค่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” เอพริลเอ่ยขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น
“ดีเหมือนกัน” ท่านเคานต์กล่าว พลางจิบไวน์ในมือ “ผมก็ง่วงแล้วเหมือนกัน ถ้างั้น ผมจะขอเดินไปส่งคุณถึงห้องนะ”
เอพริลไม่ได้ปฏิเสธ เธอเดินตามท่านเคานต์ไปอย่างเงียบๆ ความตึงเครียดบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขา เมื่อมาถึงหน้าห้องของเอพริล ท่านเคานต์ก็หันกลับมาหาเธอ ดวงตาคมกริบของเขาสอดส่องลงมาในดวงตาของเอพริลอย่างลึกซึ้ง
“ความสัมพันธ์ของคุณกับแฟรงค์เป็นอย่างไรบ้างล่ะเอพริล? ตั้งใจจะแต่งงานกันหรือเปล่า?”
คำถามนั้นทำให้เอพริลอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอไม่กล้าบอกเขาว่าเธอกับแฟรงค์คบหากันแบบ FWB เพียงแค่ความสัมพันธ์ทางกายที่ไร้ซึ่งพันธะสัญญา ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ความร้อนที่ก่อตัวขึ้นภายในจากฤทธิ์ของไวน์ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ เธอหลุบสายตาลง ราวกับกำลังซ่อนเร้นความว้าวุ่นในการหาทางออกจากคำถามที่ยากจะตอบ
April: Summer's Hidden Flame
ขณะที่เอพริลกำลังใช้ความคิดเพื่อหาคำตอบสำหรับคำถามของท่านเคานต์ สายตาคมกริบของเขาก็เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างห้องของเธออย่างสงสัย ก่อนจะเดินนำไปยังระเบียง ท่านเคานต์ยืนอยู่ริมระเบียงที่มองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของสวนกุหลาบด้านล่าง เขาหันมาหาเธอพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“เมื่อก่อนผมกับภรรยาก็เคยพักห้องนี้ ที่ระเบียงนี้...เราเคยออกมามีความสุขด้วยกันหลายครั้ง” เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบแผ่วเบา แต่ทุกถ้อยคำกลับก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเอพริล “มันตื่นเต้นดีนะ...กับการทำเรื่องอย่างว่าในที่แจ้งแบบนี้”
แววตาของท่านเคานต์ทอประกายระยับยามที่เล่าเรื่องนั้น ประกายที่เต็มไปด้วยความทรงจำและแรงปรารถนาที่ยังคงคุกรุ่น
“คุณกับแฟรงค์…เคยทำแบบนี้กันบ้างไหม?” คำถามนั้นเร้าใจจนเอพริลรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า ซอกคอ ก่อนจะลุกลามรู้สึกเสียววูบวาบไปทั่วท้องน้อยราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆ ไหลผ่าน เธอแน่ใจว่ากำลังเข้าใจเจตนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดที่แสนจะยั่วยวนของท่านเคานต์ แม้จะรู้สึกร้อนรน แต่เธอก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ ดวงตากลมโตเป็นประกายท้าทายเล็กน้อย
“ฉันง่วงแล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้เช้าแฟรงค์บอกว่าจะโทรมาหาฉันก่อนออกไปธุระให้ท่านเคานต์อเล็กซานเดอร์”
เธอแสร้งทำเป็นง่วงนอนและพยายามเปลี่ยนเรื่อง ท่านเคานต์เฟอร์ดินานด์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ เสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูดิบเถื่อนแต่กลับเย้ายวนใจนัก
“ดีเหมือนกัน ผมจะขอนั่งรอจนกว่าคุณจะหลับได้ไหม” ท่านเคานต์เอ่ยขึ้นอย่างไม่คาดคิด “เมื่อก่อนผมก็ทำแบบนี้กับภรรยาของผม”
เอพริลไม่ได้คัดค้านเพราะคิดว่าเขาคงจะกลับออกไปเมื่อเธอแกล้งหลับไปแล้วจริงๆ เธอเดินกลับมายังเตียงนอนที่จัดวางอย่างหรูหรา และล้มตัวลงนอนใต้ผ้านวมเนื้อนุ่ม สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์
ไม่นานหลังจากที่เธอล้มตัวลงนอน ท่านเคานต์ก็มานั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอ ไออุ่นจากกายของเขาส่งผ่านเข้ามาใกล้จนเอพริลสัมผัสได้ มือหนาของเขาค่อยๆ เลื่อนมาแตะที่แก้มของเธอ ก่อนจะก้มลงจูบอย่างแผ่วเบาจนแทบไม่รู้สึก แต่กลับทำให้หัวใจของเอพริลเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พยายามผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติมากที่สุด พลิกตัวหันหลังหนีไปอีกทาง และพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดราวกับว่าเธอหลับใหลไปแล้วอย่างสมจริงและแนบเนียน แต่การกระทำนั้นกลับสร้างพื้นที่ว่างมากพอให้ท่านเคานต์ล้มตัวลงนอนซ้อนหลังเธอได้ แขนแกร่งของเขาโอบรัดเอวของเธอไว้แผ่วเบาในคราแรกแล่วค่อยๆ โอบกระซับขึ้น ซึ่งผิวเนื้อที่แนบชิดกันใต้ชุดนอนลูกไม้และผ้าซาตินบางเบาทำให้เอพริลสัมผัสได้ถึงความร้อนจากกายของเขาที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
เอพริลยังคงนิ่งค้าง ทำตัวไม่ถูก แต่เพียงสักครู่ มือหนาของท่านเคานต์ก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ ลูบไล้ไปบนผิวกายเนียนนุ่มของเธอที่สัมผัสได้จากเนื้อผ้าซาตินบางเบา สัมผัสที่อ่อนโยนแต่เปี่ยมด้วยความเร่าร้อน เริ่มต้นจากสะโพกผายเนียนนุ่มของเธอ ก่อนจะวกกลับมาที่หน้าอกอวบอิ่มที่เผยพ้นออกมาจากการเคลื่อนไหวของเนื้อผ้า ทำให้เอพริลขนลุกซู่ไปทั้งตัว สัมผัสของเขาเหมือนเปลวไฟที่กำลังลามเลียไปทั่วผิวกาย เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอเมื่อท่านเคานต์กระซิบข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่า “ผมรู้…ว่าคุณยังไม่หลับ” เสียงกระซิบนั้นทำให้ร่างกายของเอพริลสั่นสะท้าน “แล้วคุณเอง…ก็น่าจะเหงาเหมือนกันที่แฟรงค์ไม่อยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น เอพริลก็ตัดสินใจหันกลับมามองท่านเคานต์อย่างตรงไปตรงมา เธอเห็นท่านเคานต์นอนเท้าศอกเอกเขนกอยู่บนเตียง หล่อเหลา ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความท้าทาย แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างส่องกระทบใบหน้าคมคายของเขา ทำให้เห็นเค้าโครงหน้าที่สมบูรณ์แบบ เอพริลกัดริมฝีปากล่างของเธออย่างชั่งใจ
ใช่...เธอชอบแฟรงค์มากเพราะเขามีรูปร่างหน้าตาดี แต่ท่านเคานต์กลับดูมีเสน่ห์มากกว่า แม้จะผ่านวัยสี่สิบกว่าปีมาแล้ว แต่รูปร่างของเขายังคงแข็งแรง บึกบึน และดูสมาร์ท ดวงตาของเขาดูมีประสบการณ์และเต็มไปด้วยความลึกลับที่น่าค้นหา เธอจึงตัดสินใจถามออกไปว่า
“ท่านเคานต์คิดถึงภรรยามากใช่ไหมคะ”
ท่านเคานต์พยักหน้าเล็กน้อย
“มาก” เสียงทุ้มต่ำของเขาตอบกลับมาอย่างหนักแน่น เอพริลขมวดคิ้วครุ่นคิดอีกครั้ง เธอเข้าใจว่าคนอย่างท่านเคานต์จะไม่ทำอะไรเธอเกินเลยไปกว่านี้หากเธอไม่ยินยอม แต่ด้วยฤทธิ์ไวน์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทำให้เลือดอุ่นๆ ในกายเธอพลุ่งพล่าน และการที่แฟรงค์ก็ยังไม่กลับมาอีกนาน เธอจึงตัดสินใจพูดออกไปว่า
April: Summer's Hidden Flame
ตอนที่ 4: เปลวไฟที่ซ่อนเร้น
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ”
เพียงแค่นั้น ท่านเคานต์ก็ยิ้มออกมา—ไม่ใช่รอยยิ้มแบบผู้ชายธรรมดา แต่เป็นรอยยิ้มของชายผู้รู้ว่าตนกำลังจะได้ครอบครองบางสิ่งที่ถูกห้าม รอยยิ้มที่ทั้งหรูหรา อันตราย และเย้ายวนเกินต้าน
เขาดึงเธอเข้าไปหา—รวดเร็วแต่ไม่หยาบกระด้าง—เหมือนกระแสไฟฟ้าที่ไหลย้อนเข้าหัวใจของเธอ ปลายนิ้วของเขาประคองคางเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะกดริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่น จูบที่ไม่ใช่เพียงแค่สัมผัสหากแต่เป็นการอ้างสิทธิ์
ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาช้าๆ กวาดชิมความหวานจากโพรงปากเธออย่างเชื่องช้า เย้ายวน และเร่าร้อน ลมหายใจของเอพริลขาดห้วงไปครู่หนึ่ง ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามแนวสันหลังของเธอ ช้า ชัด และมั่นคง
“คุณ...ลมหายใจร้อนผ่าวเลยนะ...” เขาพึมพำเบาๆ ชิดใบหูของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำพร่าและชัดเจน ราวกับเสียงเครื่องดนตรีที่เล่นโน้ตแห่งความปรารถนา
“ไม่จริงหรอกค่ะ” เอพริลตอบพึมพำอย่างติดนิสัยขบขันหยอกเย้าใต้น้ำเสียงที่แหบพร่า
ท่านเคานต์หัวเราะในลำคอแผ่วเบา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับบนริมฝีปากบางเฉียบของเขา ปลายนิ้วของเขาลากไล้ไปตามแนวสันหลังของเธออย่างจงใจ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงขบเม้มเบาๆ ที่ติ่งหูของเธอเป็นการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอพยายามโกหก ซุกไซ้เคราคมบางๆ ลงบนผิวเนื้ออ่อนที่ช่วยกระตุ้นเร้าให้ร่างกายเธอเผยความจริงออกมาง่ายขึ้น ซึ่งเอพริลก็ถึงกับคราง
“หรือว่ามันเป็นเพราะผมแตะคุณตรงนี้…” ปลายนิ้วของเขาไล้จากเอว สัมผัสใต้แผ่นหลังเนียนเรียบจนถึงสะโพกอ่อน เขากระซิบข้างหู “หรือเพราะคุณ...ต้องการมากกว่าจูบ?”
เอพริลเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบลุกไหม้ แต่ก็ไม่เอ่ยปฏิเสธแม้สักคำ ท่านเคานต์ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง ลากปลายนิ้วไปตามแนวสันกรามของเธอ ก่อนจะเคลื่อนไปลูบผ่านลำคอ และหยุดอยู่ที่ลูกไม้เล็กๆ ของชุดนอนผ้าลูกไม้โปร่งบางที่เธอสวมที่มันเคยสร้างภาพอันยั่วยวนยามเธอขยับเคลื่นไหวในขณะเป่าฟลูทกับเขาที่ห้องโถงข้างล่างนี้ได้
“ขอผมเปิดของขวัญ...หน่อยได้ไหม?” เขากระซิบ ถามด้วยเสียงแหบพร่าที่ทำให้หัวใจเธอสั่น
เอพริลพยักหน้าช้าๆ ราวกับถูกสะกดให้ยินยอมทุกอย่าง นิ้วมือของเขาก็เคลื่อนด้วยจังหวะเนิบนาบ จงใจ และช่ำชอง เนินอกขาวผ่องของเธอค่อยๆ ปรากฏให้เห็นภายใต้แสงจันทร์ที่รินไหลลงมาเหมือนผ้าคลุมโปร่งบางที่ห่มร่างทั้งสองไว้
“ดูเถิด...คุณสวยจนผมอยากละเมิดทุกบาปที่เคยหลีกเลี่ยงมา” เขาเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่เนินอกนุ่มนั้นอย่างหวงแหน
มือของเขาไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว ขณะที่ปากยังคงประทับสัมผัสและลิ้นไล้เลียอย่างเชื่องช้า ใจเย็นแต่จงใจให้เธอระเบิดช้าๆ จากภายใน
“อย่าใจดีนักเลยค่ะ…” เอพริลพูดเสียงพร่า “มันทรมานเหลือเกิน…”
“งั้นก็ขอให้ผมทรมานคุณ...ด้วยความสุขเถอะนะ”
ร่างของเธอถูกกดจมเบาๆ ลงบนผืนเตียงขนาดใหญ่ ที่นอนยวบไหวลงตามน้ำหนักของเขาที่พลิกตัวคร่อมเหนือร่างเธอ กลิ่นกายของเขาอบอวลไปด้วยกลิ่นไวน์แดง ควันไม้ และเหงื่ออ่อนๆ ของบุรุษผู้ไม่หยุดยั้ง ความร้อนจากผิวของเขาทำให้เธอแทบละลายไปกับผ้าปูเตียง
ท่านเคานต์ลากปลายนิ้วผ่านหน้าท้องของเธอ สะโพก สอดเข้าใต้ชายผ้า แล้วลากขึ้นผ่านต้นขาด้านในด้วยจังหวะที่ทำให้เธอหายใจติดขัด
“คุณตัวสั่นทุกครั้งที่ผมแตะตรงนี้...” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มพร่าเบา “บอกผมหน่อยสิ ว่าคุณต้องการอะไรจากผม”
เธอกลั้นหายใจ ริมฝีปากสั่นระริก
“ฉันต้องการ…ทุกอย่างของท่านเคานต์ ตอนนี้” น้ำเสียงของเธอหลุดออกมาจากหัวใจ ไม่ใช่เพียงปาก
แต่งจบแล้ว มี Ebook นะคะ
--
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น